; เมื่อมีอาการปวดหลัง ควรทำอย่างไร -โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ McCormick Hospital ChiangMai

เมื่อมีอาการปวดหลัง ควรทำอย่างไร



บทความโดย  นพ.กวิน  สีห์โสภณ  ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์


เมื่อมีอาการปวดหลัง ควรทำอย่างไร

        มาดูกันว่า คุณหมอซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูก รักษาคนไข้ที่มีอาการปวดหลังเป็นประจำอยู่ทุกวันนั้น จะมีวิธีรักษาตัวเองอย่างไร

        อาการปวดหลัง เป็นอาการที่พบได้บ่อย มีการประมาณว่า 80% ของคนทั่วไป เคยมีอาการปวดหลังอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ผมคิดว่าน่าจะมากกว่านั้น เพราะลองถามใครๆ ดู ก็เคยปวดกันทั้งนั้น บางคนปวดแล้วปวดอีก ปีละหลายครั้ง ทำให้ต้องหยุดงานโดยไม่จำเป็น

        วันหนึ่งผมเกิดอาการปวดหลังขึ้นมา แล้วลองใช้วิธีง่าย ๆ รักษาตัวเองจนอาการดีขึ้น เลยคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ ที่มีอาการปวดหลังเช่นกัน วันนั้น ขณะกำลังทำการผ่าตัดใกล้เสร็จนั่งเย็บปิดแผล ก็เกิดอาการเจ็บแปล๊บขึ้นที่หลัง เหมือนมีใครเอาอะไรมาแทง เจ็บจนสะดุ้งตัวขึ้นร้องโอ๊ยเสียงดัง คนที่กำลังช่วยผ่าตัดก็ตกใจกัน ผมก็พยายามนึกทบทวนว่าเรามีอาการปวดขึ้นมาได้อย่างไร ของหนักก็ไม่ได้ยก จู่ ๆ ก็เจ็บขึ้นมาเอง เหมือนคนไข้ที่มาหาผมมักบอกว่า “ไม่ได้ทำอะไรเลย จู่ ๆ ก็เจ็บขึ้นมาเอง” ที่เป็นอย่างนั้นเพราะไม่ได้สังเกตตัวเอง อย่างในกรณีนี้ผมพบว่าตัวเองกำลังนั่งผ่าตัดอยู่ในท่าก้มหลังนี้มาประมาณเกือบชั่วโมงแล้ว สาเหตุคือจัดความสูงของเตียงผ่าตัดซึ่งปรับระดับให้สูง-ต่ำได้ เตี้ยเกินไป ไม่พอดีระดับสายตา ทำให้ต้องพยายามนั่งก้มตัวเพื่อให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับแผล กล้ามเนื้อหลังคงอยู่ผิดท่ามาตลอด จึงทำให้เกิดอาการปวดขึ้น ตอนเริ่มผ่าตัดก็รู้สึกว่าก้มนิดหน่อยไม่น่าจะเป็นอะไร พอนานเข้าจึงเกิดอาการที่เรียกกล้ามเนื้อหลังอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งบางคนก็เรียก เอวเคล็ด ยอก เส้นพลิก ฯลฯ  มีอาการเจ็บแปล๊บทุกครั้งที่ก้ม หันบิดเอี้ยวตัว หรือลุกเปลี่ยนท่า

หลังจากนั้นผมรักษาตัวเองอย่างไร

        1. นอนกอดเข่า

        หลังผ่าตัดเสร็จวันนั้น ผมรีบหาเตียงหรือเก้าอี้โซฟายาวก็ได้ นอนหงายกอดเข่าทั้ง 2 ข้าง ให้เข่าชิดหน้าอกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยู่นิ่ง ๆ ประมาณ 5 นาที จะช่วยยืดกล้ามเนื้อส่วนที่มีการหดเกร็ง สามารถบรรเทาอาการปวดลงได้ทันที 30-40%



        2. อบซาวน่า

        ถ้าอยู่ในสถานที่ที่มีห้องอบซาวน่า ให้อบซาวน่า 2-3 นาที แล้วออกมาอาบน้ำเย็นอีก 2-3 นาที ทำสลับกันอย่างนี้ ร้อน/เย็น/ร้อน/เย็น สัก 2-3 รอบ อาการจะดีขึ้นมาก เดี๋ยวนี้ตามสโมสรของหมู่บ้านต่าง ๆ หรือสระว่ายน้ำมักมีซาวน่าไว้ให้บริการ ถ้าไม่มีซาวน่าเราทำเองที่บ้านโดยใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ฉีดน้ำร้อน-น้ำเย็นสลับกัน ถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นก็ใช้ผ้าชุบน้ำร้อนประคบบริเวณหลังสลับกับผ้าชุบน้ำเย็นแทนก็ได้

        3. มีสติระมัดระวังอิริยาบถ

        อาการปวดที่เหลือมักเกิดเวลาลุกเปลี่ยนท่า ก้ม บิดเอี้ยวตัว หรือ นั่งนาน ๆ  จึงควรงดอริยาบถดังกล่าว ถ้าเลี่ยงไม่ได้จะทำให้อาการที่กำลังทุเลา กลับมาเป็นมากอย่างเก่าได้

       
การมีสติ คือ รู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ตลอดเวลา ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่งก็ให้รู้ตัวเองว่ากำลังนั่งต้องนั่งให้ถูกท่า กำลังจะก้มก็รู้ตัวว่ากำลังจะก้ม ก็ต้องไม่ก้มใช้ย่อเข่าลงแทน บางคนใจร้อนขาดสติจะหยิบของที่พื้นก็ก้มลงทันที ทำให้อาการปวดที่กำลังดีขึ้นกำเริบขึ้นอีกได้  การปวดหลังของผมครั้งนี้ก็เพราะขาดสตินั่นเอง เพราะมัวแต่มุ่งกับการผ่าตัดจนไม่ได้ระมัดระวังอิริยาบถว่าตนเองกำลังนั่งก้มไม่ถูกท่า เพราะฉะนั้นการมีสตินี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก จะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้อาการปวดหลังกลับมาเป็นอีกได้

        4. การใช้ยา

        ถ้าทำตามวิธีต่าง ๆ แล้ว ยังมีอาการปวดอยู่ อาจเริ่มจากยาทาก่อน ผมใช้ยาเป็นหลอดทาบริเวณหลังที่ปวด โดยไม่ต้องถูนวด การนวดจะทำให้ปวดมากขึ้น แล้วถ้ายังปวดผมกินยา Paracetamal ซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้าน ค่อนข้างปลอดภัย ราคาถูก หาได้ง่าย ปัจจุบันนี้คนไทยกินยากันมากมายโดยไม่จำเป็น ยาส่วนมากต้องขับผ่านออกทางไต ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของคนไข้ที่เป็นไตวายโดยไม่ทราบสาเหตุได้ เพราะฉะนั้นผมจึงขอแนะนำให้กินยาน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น

        ผมรักษาตัวเองโดยใช้วิธีต่าง ๆ ข้างต้น วันรุ่งขึ้นก็สามารถไปทำงานได้ตามปกติแม้จะมีอาการปวดบ้างแต่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบเป็นปกติภายใน 3-4 วัน ทั่วไปจะไม่แนะนำให้นอนพักเป็นเวลานานหลาย ๆ วัน ถ้าหากดีขึ้นควรพยายามกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติให้เร็วที่สุด หากท่านลองรักษาตนเองด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วยังไม่ดีขึ้นก็ควรมาพบแพทย์